ความรู้ วิชาการต่าง

วิตามินอี กับมะเร็งต่อมลูกหมาก

รายงานจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ชายที่มีระดับวิตามินอีในเลือดสูง จะสามารถลดอุบัติการณ์เกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้มากถึงร้อยละ 50 โดยอ้างอิงจากการศึกษาวิจัยจากประเทศฟินแลนด์ ใช้กลุ่มตัวอย่างมากถึง 30,000 คน การศึกษาดังกล่าวเรียกว่า Alpha-Tocopherol, Beta-Carotene Cancer Prevention (ATBC) Study ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นพบว่า การรับประทานวิตามินอีเสริมทุกวัน จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ทั้งนี้เนื่องจากวิตามินอีมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินอียังมีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อต้านมะเร็งอีกด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุการตายอันดับสองของมะเร็งที่คร่าชีวิตของผู้ชาย รองจากมะเร็งปอด พบว่าผู้ชาย 1 คน ในทุก 10 คน จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก มีการยืนยันว่าอาหารที่มีไขมันสูงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นที่น่าเสียดายว่ามะเร็งต่อมลูกหมากมักไม่ค่อยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ทั่วๆ ไปเนื่องจากการศึกษาในศพของผู้ชายในอายุต่างๆ กันที่เสียชีวิตด้วยสาเหตุต่างๆ กัน และไม่เคยเป็นโรคของต่อมลูกหมากเลย พบว่าจำนวนมากตรวจพบมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่มิได้คาดคิดมาก่อน

ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ของเพศชาย อยู่ตรงคอกระเพาะปัสสาวะหุ้มอยู่รอบท่อปัสสาวะส่วนต้นทางด้านหน้าของท่อทวารหนัก ขนาดปกติ 3 x 4 x 2 ซ.ม. น้ำหนักประมาณ 1 ออนซ์ รูปร่างคล้ายลูกแพร์กลับหัว หรือลูกเกาลัด มีหน้าที่สร้างน้ำหล่อเลี้ยงอสุจิมะเร็งต่อมลูกหมาก เกิดขึ้นจากการที่เซลล์ในต่อมลูกหมากโตผิดปกติขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นก้อนมะเร็ง ในระยะแรกๆ ผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการแต่อย่างใดจนเมื่อก้อนมะเร็งโตลุกลามไปอุดท่อปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อย เจ็บปวดเวลาถ่ายปัสสาวะ บางครั้งมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ ในระยะท้ายๆ เมื่อมะเร็งกระจายลุกลามไปทั่วร่างกายแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการปวดกระดูก ปวดตามข้อ ปวดหลัง น้ำหนักลด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาการปัสสาวะขัด ปวดเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะถี่ขึ้น และมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ อาการดังกล่าวนี้จะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆมะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งที่แพทย์สามารถพอจะช่วยท่านได้ แม้ว่าในระยะท้ายๆ แต่การตรวจพบแต่เนิ่นๆ จะทำให้การรักษาได้ผลดี และมีโอกาสหายได้ มะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกๆ มักจะไม่มีอาการอันใดที่บ่งให้รู้ตัว ผู้ชายที่อายุเกิน 40 ปี จึงควรรับการตรวจต่อมลูกหมากปีละครั้ง เนื่องจากมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกๆ ง่ายต่อการรักษา

การตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมากประจำปี โดยการตรวจทางทวาร แพทย์จะสวมถุงมือ ใช้นิ้วสอดเข้าไปในท่อทวารเพื่อคลำต่อมลูกหมากว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ นอกจากนี้ตรวจเลือดหาระดับของเอนไซม์พีเอสเอ ในคนปกติค่าพีเอสเอ จะอยู่ในระดับ 0-4 ng/ml และค่านี้จะสูงเกิน 10 ng/ml ในคนที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก การตรวจทางทวารโดยใช้อัลตร้าซาวนด์ ถ้าหากพบสิ่งผิดปกติในต่อมลูกหมากก็จะใช้เข็มเล็กๆ เจาะเอาชิ้นเนื้อมาตรวจทางกล้องจุลทรรศน์ว่ามีเซลล์มะเร็งหรือไม่ ในปัจจุบันการตรวจวินิจฉัย และการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากได้ก้าวหน้าไปมาก ผลการรักษาจะดีที่สุดถ้าพบว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ในระยะแรกๆ หรือแม้แต่มะเร็งต่อมลูกหมากในระยะท้ายๆ ก็สามารถช่วยได้การผ่าตัดเป็นการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากระยะแรกๆ ที่ดีที่สุด เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่อายุไม่มาก และมีสุขภาพแข็งแรง ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะจะเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ การรักษาด้วยฮอร์โมน เนื่องจากต่อมลูกหมากโดยปกติเจริญเติบโตอาศัยฮอร์โมนเพศชาย มะเร็งต่อมลูกหมากก็เช่นเดียวกัน ฉะนั้นเมื่อเอาแหล่งต้นตอของฮอร์โมนเพศชายออก ก็จะช่วยทำให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลงไม่โตขึ้นอีก การรักษาด้วยฮอร์โมนนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย หรือในรายที่กลับเป็นอีกหลังจากรับการรักษาด้วยการฉายแสงแล้ว ส่วนการรักษาด้วยการฉายแสงเหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากในบางราย เช่น ในรายผู้ป่วยสูงอายุ หรือในรายที่มีโรคแทรกซ้อนซึ่งไม่เหมาะที่จะรักษาโดยการผ่าตัดหรือด้วยฮอร์โมน

 

--------------------------------------------------------------------------------

เตรียมความพร้อมให้กับคุณแม่ยังสาวทั้งก่อนและหลังคลอด

เมื่อคุณผู้หญิงต้องรับบทคุณแม่ที่กำลังจะมีลูกน้อย ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอีกต่อไปค่ะ คุณต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่ช่วยตั้งครรภ์ คุณแม่ควรพิถีพิถันดูแลเอาใจใส่สุขภาพตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่การฝากครรภ์เพื่อช่วยให้คุณแม่ และทารกน้อยมีความปลอดภัยจากโรคทุกชนิด คุณแม่ต้องไปพบแพทย์ตามที่นัดทุกครั้ง ห้ามพลาดนะค่ะ และหากเกิดมีอาการผิดปกติ อาเจียนบ่อยครั้ง มีเลือดซึมออกทางช่องคลอด หรือมีตกขาวมาก น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน นอกจากนี้ในขณะที่ตั้งครรภ์ ควรรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ซึ่งจะช่วยบำรุงให้มารดา และทารกมีสุขภาพที่แข็งแรง ควรทานผักและผลไม้ เพื่อไม่ให้เกิดอาการท้องผูก ช่วยให้ขับถ่ายง่าย รวมถึงเลือกใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ สบาย ๆ ใส่รองเท้าส้นเตี้ย หลับพักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 8-10 ชั่วโมง"ในช่วงระหว่างใกล้คลอด คุณแม่มีอาการเจ็บท้องถี่ขึ้นเรื่อย ๆ มีน้ำเดินและมีมูกเลือดออกมาตามช่องคลอดนั่นแสดงว่าใกล้เวลาที่ทารกน้อยกำลังจะออกมาลืมตาดูโลก"ข้าวของที่จะตระะเตรียมไปโรงพยาบาล คือ ของใช้ส่วนตัว ของใช้สำหรับเด็กอ่อน และที่ลืมไม่ได้เด็ดขาด หลักฐานในการทำสูติบัตร สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนของคุณพ่อและคุณแม่

หลังจากคุณแม่คลอดลูกน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องพักผ่อนมาก ๆ ดูแลตัวเอง และลูกน้อยให้มีสุขภาพและพลานามัยที่แข็งแรง ที่สำคัญเดือนแรกหลังการคลอดควรหลีกเลี่ยงจากการทำงานหนัก ห้ามยกของหนักแต่ออกกำลังกายเล็กน้อย หรือทำงานเบา ๆ ได้ค่ะ และถ้าหากมีน้ำหนักเพิ่มมากกว่าปกติควรเริ่มบริหารร่างกาย หลังคลอดแล้วประมาณ 6 อาทิตย์ แต่ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ด้วยนะคะ

 

นอนท่าไหนดี

นอนหงายโดยปกติแล้วคนทั่วไปนิยมนอนหงาย ถือได้ว่าเป็นท่านอนมาตราฐาน เวลานอนหงายโดยไม่หนุนหมอนหรือใช้หมอนต่ำ ต้นคอจะอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว ไม่ปวดคอ แต่ถ้าหนุนหมอนสักสองสามใบ คอจะก้มโน้มมาข้างหน้า ทำให้เกิดอาการปวดคอได้ในท่านอนหงาย กล้ามเนื้อกระบังลมที่คั่นระหว่างช่องอกและช่องท้องกดทับเนื้อปอดทำให้หายใจลำบาก จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคปอด สามารถหลีกเลี่ยงแก้ไขได้ โดยการยกส่วนบนของร่างกายให้สูงขึ้นในลักษณะครึ่งนอนครึ่งนั่ง อาจจะใช้หมอน 2 - 3 ใบวางหนุนรองหลังไว้ หรือยกพื้นเตียงส่วนบนให้สูงขึ้นพอประมาณผู้ป่วยโรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย จะมีอาการนอนราบไม่ได้ การทำงานของหัวใจลำบากยิ่งขึ้นในท่านอนหงายราบ ทั้งนี้เนื่องจากไม่สามารถสูบฉีดโลหิตออกจากห้องหัวใจได้ก่อให้เกิดอาการหอบและหายใจติดขัด ผู้ป่วยโรคหัวใจจึงมักจะต้องลุกขึ้นนั่งหรือยืนตอนกลางคืนเพื่อที่จะหายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้นผู้ที่มีอาการปวดหลัง การนอนหงายในท่าราบจะทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้น เวลานอนให้พาดขาทั้งสองไว้บนเก้าอี้ที่ใช้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หรือวางพาดบนเตียงนอน รวมทั้งควรออกกำลังกายเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อหลังลดการเกร็งตัว ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี ควรทำเป็นประจำทุกวัน วันละ 10 - 15 นาทีนอนตะแคงท่านอนตะแคงซ้ายเป็นท่านอนที่ช่วยลดอาการปวดหลังได้พอสมควร แต่ควรกอดหมอนข้างและพาดขาไว้ ข้อเสียคือทำให้หัวใจซึ่งอยู่ด้านซ้ายทำงานลำบากขึ้น และอาหารในกระเพาะที่ยังย่อยไม่หมดตั้งแต่ก่อนเข้านอนจะคั่งค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดลมจุกเสียดที่บริเวณลิ้นปี่ อาจรู้สึกชาที่ขาซ้ายหากนอนทับเป็นเวลานาน และถ้าหนุนหมอนต่ำเกินไปจะทำให้ปวดต้นคอได้ แก้ไขโดยใช้หมอนสี่เหลี่ยมที่มีความสูงเท่าความกว้างของบ่าซ้ายหนุนนอนท่านอนตะแคงขวาเป็นท่านอนที่ดีที่สุด ถ้าเทียบกับการนอนหลับในท่าอื่นๆ เพราะหัวใจเต้นสะดวกและอาหารจากกระเพาะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ทำให้ไม่คั่งค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานเกินไป และเป็นท่านอนที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี ท่านอนตะแคงทั้งตะแคงซ้ายและตะแคงขวาช่วยลดเสียงกรนได้ ในผู้ที่กรนจากการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ลิ้นไก่ยาว โคนลิ้นหนา ต่อมทอนซิลโตมาก หรือโพรงจมูกอุดตัน ว่ากันว่านอนตะแคงเป็นท่านอนของคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และไม่ว่าจะทำงานอะไรก็มักจะก้าวไปสู่ความสำเร็จ ด้วยวิริยะอุตสาหะ มานะพยายามอย่างสม่ำเสมอ โบราณกล่าวไว้…คนที่ชอบนอนตะแคงขวา เหยียดแขนขวาไปเหนือศีรษะละก็...อำนาจ วาสนา ดีนักแล.....? เท็จจริงอย่างไร ไม่ทราบ!! นำมาเล่าสู่กันฟังนอนคว่ำท่านอนคว่ำทำให้หายใจติดขัดไม่สะดวก โดยเฉพาะในสตรีที่มีเต้านมใหญ่ สำหรับผู้ชาย การนอนคว่ำทำให้อวัยวะเพศถูกทับอยู่ตลอดเวลา อาจกระตุ้นให้เกิดอารมณ์เพศ เกิดอาการฝันเปียก หรือเกิดอาการชาของอวัยวะเพศได้ การนอนคว่ำยังทำให้ปวดต้นคอ เนื่องจากต้องเงยมาข้างหลัง หรือบิดหมุนไปข้างซ้ายหรือข้างขวานานเกินไป ดังนั้นถ้าจำเป็นต้องนอนคว่ำ ควรหาหมอนรองใต้ทรวงอก โดยเฉพาะถ้าต้องการอ่านหนังสือในท่านอนคว่ำ ทั้งนี้เพื่อช่วยไม่ให้เมื่อยกล้ามเนื้อคอ และไม่มีอาการปวดคอแต่ก่อนเคยเข้าใจว่าทารกควรให้นอนคว่ำรูปหัวจะทุยสวย ไม่แบน แต่ปัจจุบันพบว่าจริง ๆ แล้วอาจเกิดผลเสียได้ ทารกมีโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากหายใจไม่ออกจากการที่จมูกหรือปากถูกทับไว้ โดยเฉพาะถ้านอนคว่ำและดูดนมจากเต้านมมารดา หรือพื้นเตียงอ่อนนิ่มเกินไป นอกจากนั้นยังพบว่าน้ำนมอาจจะขย้อนย้อนออกมา เนื่องจากนอนทับถูกกระเพาะอาหารและอาจสำลักเข้าไปในปอดได้ มักจะเกิดปัญหาตามมาหลายประการ พึงระลึกไว้เสมอว่า มนุษย์เราใช้เวลาในการนอนหลับถึงหนึ่งในสามของอายุขัย คนเราจะนอนเฉลี่ยวันละประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง ทารกเกิดใหม่นอนมากกว่า 12 ชั่วโมง เด็กนอนวันละ 10-12 ชั่วโมง ผู้ใหญ่นอน 8-10 ชั่วโมง เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้นจะนอนน้อยลงตามลำดับ

 

การสูบบุหรี่ในสตรีตั้งครรภ์

เมื่อแม่สูบบุหรี่ ทารกในครรภ์ก็สูบบุหรี่ด้วย เป็นคำพูดที่ถูกต้อง เพราะขณะที่ผู้เป็นแม่สูบบุหรี่อยู่นั้น คาร์บอนมอนอกไซด์ นิโคติน และไซยาไนด์ ในควันบุหรี่ก็จะเข้าสู่กระแสโลหิตแม่ และเข้าไปสู่ทารกด้วย จะมีผลทำให้อาหารและออกซิเจนอันมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก จะถูกกระทบกระเทือน ผลของบุหรี่ต่อทารก จะมีได้ตั้งแต่การเกิดการแท้งบุตร ทารกน้ำหนักน้อย ซึ่งในกรณีที่ทารกคลอดน้ำหนักน้อยจะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหา ทางระบบการหายใจ จะมีร่างกายเล็กกว่าปกติ และจะเสี่ยงต่อสภาวะทารกเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุสูงกว่าปกติ ดังนั้น แม้จะเป็นการยากที่จะเลิกสูบบุหรี่ แต่ผู้ตั้งครรภ์จำเป็นที่จะต้องเลิก เพื่อลูกน้อยในครรภ์ที่จะคลอดออกมาอย่างสมบูรณ์ทุกประการ แม้ว่าจะเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ทันทีก็ตาม หากมีความพยายาม ก็จะเลิกได้สำเร็จ และถ้าหากเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จก่อนการตั้งครรภ์ครบ 4 เดือน อัตราเสี่ยงต่างๆ ที่จะมีผลต่อทารกจะลดลงอย่างมาก และถ้าท่านสามารถเลิกบุหรี่ได้ตลอดไป ก็จะมีประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อคนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกน้อยน่ารักของท่านที่ต้องการความทะนุถนอม และต้องการสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อชีวิตน้อยๆ ที่เพิ่งลืมตาออกมาดูโลกนะคะ

 

----------------------------------------------------------------

ปัญหาการใช้ยาในคนสูงอายุ

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะต้องรับประทานยาไม่มากก็น้อย ยาบางอยางไม่ใช่ยาอันตราย เช่น วิตามิน ยาบำรุงต่างๆ แต่ยาบางอย่างก็เป็นยาอันตราย ซึ่งต้องการความระมัดระวัง ทั้งจำนวนและเวลาที่ควรรับประทาน เนื่องจากการออกฤทธิ์ของยานั้นมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิดของยา แพทย์ผู้ให้การรักษาจะคำนวณแล้วว่า ควรจะให้รับประทานกี่มื้อ ห่างกันทุกกี่ชั่วโมง ดังนั้นการเลื่อนเวลาออกไปเพราะลืม หรือเลื่อนเวลาออกไปเพราะมื้ออาหารไม่แน่นอน หรือด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ถ้าเป็นยาที่ต้องการความแน่นอนของระยะเวลา ซึ่งผู้สูงอายุเองหรือลูกหลาน อาจจะต้องทำความเข้าใจ และถามแพทย์ผู้รักษาให้แน่ใจในวิธีการรับประทานที่ถูกต้องและควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จึงจะได้ผลดีต่อตนเอง

สิ่งที่ควรจะกระทำอย่างยิ่งคือการจดรายละเอียด วิธีการรับประทานยาของยาแต่ละชนิดที่แพทย์สั่งไว้ให้ชัดเจน พร้อมกับชื่อยาแต่ละอย่างถ้าท่านทราบ ซึ่งในปัจจุบันโรงพยาบาลเกือบทุกแห่งจะเขียนชื่อยาติดไว้ที่ข้างซองเสมอ การเตรียมยาไว้ให้พร้อมทุกมื้อใน 1 วัน จะช่วยป้องกันไม่ให้ลืมรับประทานยา และจะได้ไม่สับสนว่ารับประทานมื้อนี้แล้วหรือยัง ท่านอาจจะเตรียมใส่ซอง หรือกล่องพลาสติก ซึ่งเดี๋ยวนี้กล่องสำหรับใส่ยาโดยเฉพาะ มีขายตามท้องตลาดทั่วไป จะยังมีความสะดวกมากขึ้น ยาก่อนอาหาร ยาหลังอาหาร หรือยาก่อนนอน เตรียมไว้ให้พร้อมในตอนเช้า แล้วท่านจะไม่ลืมรับประทานยา แต่มีข้อควรระวังในกรณีที่บ้านท่านมีเด็กเล็กๆ ที่กำลังซนอยู่ด้วย ท่านต้องเก็บยาเหล่านี้ให้พ้นมือของหนูน้อยเหล่านี้ด้วย ถ้าท่านเผลอ เด็กเหล่านี้อาจรับประทานยาของท่านเข้าไป ซึ่งยาบางอย่างจะมีอันตรายต่อเด็กอย่างมากด้วย

 

***********************************************************

ต่อมลูกหมากคืออะไร

ต่อมลูกหมาก (prostate gland) เป็นโรงงานผลิตน้ำอสุจิของผู้ชาย มีหน้าที่ในการสร้างน้ำเมือกหล่อเลี้ยงตัวอสุจิถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบสืบพันธุ์เพศชาย ตำแหน่งของต่อมลูกหมากอยู่ตรงบริเวณที่เรียกว่าฝีเย็บซึ่งสามารถสังเกตจากภายนอกได้ ถ้านึกไม่ออกให้ลองนึกภาพเวลาที่นั่งอยู่บนจักรยาน ส่วนที่กดทับอานรถจักรยานจะตรงกับตำแหน่งของต่อมลูกหมากพอดิบพอดี ภาษาไทยเรียกบริเวณนี้ว่าฝีเย็บ ภาษาอังกฤษเรียกว่า perineumต่อมลูกหมากตั้งอยู่ที่ส่วนคอของกระเพาะปัสสาวะ หากมองจากภาพจึงเห็นกระเพาะปัสสาวะอยู่เหนือต่อมลูกหมาก มองอีกมุมหนึ่งจะเห็นต่อมลูกหมากห่อหุ้มรอบท่อทางเดินปัสสาวะส่วนต้น ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าท่อปัสสาวะเป็นทางเดินร่วมของทั้งน้ำปัสสาวะและน้ำอสุจิในเพศชาย จึงเกี่ยวข้องกับทั้งระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ ส่วนทางด้านหลังของต่อมลูกหมากเป็นลำไส้ตรงซึ่งเป็นลำไส้ใหญ่ส่วนสุดท้ายก่อนถึงทวารหนัก เนื่องจากต่อมลูกหมากอยู่ใกล้ชิดกับอวัยวะของระบบต่างๆหลายระบบ โรคของต่อมลูกหมากจึงอาจก่อให้เกิดอาการหรือความผิดปกติของอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียงได้ ต่อมลูกหมากปกติจะมีขนาดเท่าลูกเกาลัด อยู่บริเวณรอบท่อปัสสาวะส่วนต้นที่เริ่มออกจากกระเพาะปัสสาวะ และอยู่ด้านหน้าของท่อทวารหนักในปีค.ศ. 1995 หนังสือพิมพ์ London Times ได้ทำการสำรวจครั้งใหญ่โดยการออกแบบสอบถามชาวอังกฤษจำนวนมากเกี่ยวกับโรคของต่อมลูกหมาก ผลการสำรวจครั้งนั้นพบว่าร้อยละ 90 ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ทราบว่าต่อมลูกหมากอยู่ที่ไหน ร้อยละ 60 ของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่ากระเพาะปัสสาวะคือต่อมลูกหมาก และเพียงครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้น ที่ทราบว่าผู้ชายสูงอายุมักมีปัญหาหรือพบโรคที่เกี่ยวกับต่อมลูกหมากได้บ่อยต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ของเพศชาย บางคนเรียกว่าเป็นต่อมเพศชาย บางคนเรียกว่าเป็นต่อมเสริม บางทีก็เรียกว่าต่อมสร้างของเหลว ผู้หญิงไม่มีต่อมลูกหมาก ดังนั้นโรคของต่อมลูกหมากจึงเป็นโรคของผู้ชายเท่านั้น และที่เรียกว่าต่อมสร้างของเหลว จริงๆแล้วต่อมสร้างของเหลวของผู้ชายมีสามชนิด ได้แก่ ต่อมลูกหมาก (prostate gland) ชนิดที่สองเรียกว่า seminal vesicles และชนิดที่สามเรียกว่าต่อมคาวเปอร์ cowper's glandลักษณะภายในของต่อมสร้างของเหลวทั้งสามชนิดเหมือนกันหมด โดยประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น ชั้นนอกเป็นเยื่อเส้นใยที่หุ้มและแทรกตัวเข้าไปด้านในแบ่งเนื้อต่อม ชั้นกลางเป็นกล้ามเนื้อเรียบ และชั้นในเป็นเนื้อเยื่อบุผิว เรียงตัวชั้นเดียว ทำหน้าที่สร้างสารแตกต่างกันตามชนิดของต่อมแม้ว่าต่อมลูกหมากไม่ได้เป็นอวัยวะของระบบทางเดินปัสสาวะโดยตรง แต่โรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีผลทำให้เกิดความผิดปกติหรืออาการผิดปกติของระบบขับถ่ายปัสสาวะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินปัสสาวะ (urologist) จึงเป็นแพทย์เฉพาะทางที่ให้การตรวจวินิจฉัยและดูแลรักษาโรคของต่อมลูกหมากเป็นหลักในผู้ชายที่มีอายุ 25 ปี ต่อมลูกหมากมีขนาด 4 x 2 x 3 ซ.ม. หนักประมาณ 20 กรัม ปริมาตร 20 มิลลิลิตร เมื่อพิจารณาจากขนาดดังกล่าวแล้วถือได้ว่าต่อมลูกหมากเป็นต่อมที่มีขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายลูกแพร์กลับหัว โดยทั่วไปฝรั่งมักเปรียบเทียบขนาดและรูปร่างของต่อมลูกหมากว่าเหมือนลูกวอลนัท เรียกว่า walnut-shaped ผลวอลนัทกินได้ รสชาติอร่อย มีเปลือกแข็งและรอยหยักโดยรอบ คล้ายๆกับมันฮ่อในบ้านเรา บางคนเปรียบเทียบต่อมลูกหมากเหมือนลูกเกาลัด ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า chestnut การเปรียบเทียบเหล่านี้คงทำให้พอนึกภาพออกว่าต่อมลูกหมากนั้นมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไรภายในต่อมลูกหมากประกอบด้วย 3 ส่วน โซนนอก โซนเชื่อมต่อ และโซนในส่วนที่เป็นโซนนอกคิดเป็นสองในสามของต่อมลูกหมากทั้งหมด และเป็นตำแหน่งที่พบว่าเกิดมะเร็งได้บ่อยที่สุด ลักษณะที่เห็นเด่นชัดคือมีเยื่อหุ้มซึ่งแบ่งเนื้อต่อมออกเป็นกลีบๆ 30-50 กลีบ เวลาแพทย์ตรวจต่อมลูกหมากโดยการคลำผ่านทางทวารหนักจะสามารถตรวจโซนนอกได้อย่างชัดเจน โซนเชื่อมต่อมีลักษณะเป็นกลีบเล็กๆสองกลีบล้อมรอบท่อปัสสาวะ ตำแหน่งโซนเชื่อมต่อนี้พบโรคต่อมลูกหมากโตได้บ่อยที่สุด และพบว่าเป็นมะเร็งได้น้อย สำหรับโซนในมีท่อ ejaculatory ducts ซึ่งเป็นท่อนำเชื้ออสุจิและน้ำอสุจิมาพบกันก่อนที่จะมีการหลั่งน้ำอสุจิเข้าไปในท่อปัสสาวะ ตำแหน่งนี้มักไม่ค่อยพบว่าเป็นมะเร็งในแง่ของพัฒนาการตั้งแต่ระยะตัวอ่อนหรือเอ็มบริโอ พบว่าต่อมลูกหมากเจริญมาจากเนื้อเยื่อกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มเซลล์ที่เจริญไปเป็นมดลูกในเพศหญิง แม้ว่าจะไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเดียวกันหรือใกล้เคียงกันมากนักแต่ก็สันนิษฐานได้ว่าธรรมชาติสร้างอวัยวะนี้ขึ้นมาเพื่อกระบวนการสืบพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพ
และเป็นการดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์สืบต่อไปตราบนานแสนนาน